เตรียมตัวรับมือ! Tiktok บุกตลาด E-Commerce
นาทีนี้ไม่มีอะไรร้อนแรงเท่า Tiktok แอพลิเคชั่นสุดฮิตที่สร้างเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้คนทั่วโลกในระหว่างการกักตัวอีกแล้วค่ะ เทรนด์ต่าง ๆ ที่เรานิยมพูดกันในปัจจุบันล้วนแล้วมีที่มาจากการ Cover หรือ Lipsyn คลิปวีดีโอสั้น ๆ เพียง 15 วินาทีของ Tiktok ทั้งนั้นเลยค่ะ แม้จะเป็นแอพน้องใหม่จากจีนที่พึ่งเริ่มต้นได้ปีกว่า ๆ แต่ตอนนี้กลับมียอดดาวโหลดเป็นอันดับหนึ่ง ยิ่งในประเทศไทยของเราแล้วนั้น ยิ่งนิยมมาก ๆ ในช่วงที่ทุกคนต้องคำนึงถึง Social Distancing ออกไปเจอเพื่อนก็ไม่ได้ บางคนต้องหยุดเรียน หยุดงาน กักตัวอยู่คนเดียวก็เหงาจึงหันมาเล่นเจ้าแอพลิเคชั่นนี้ตั้งแต่ เด็กตัวเล็ก ไปจนถึงซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศเลยล่ะค่ะ เพราะคลิปวีดีโอต่าง ๆ ใน Tiktok เน้นคลิปที่มีความสนุกสนาน และตลกขบขันซึ่งเหมาะกับคนไทยที่อารมณ์ดี ยิ้มง่ายอยู่แล้วค่ะ
แน่นอนค่ะว่าเมื่อมียอดผู้ใช้เยอะขึ้น นั่นนำไปสู่การต่อยอดสร้างผลประโยชน์ หรือรายได้มากกว่ายอดติดตาม จากที่ผู้ขายใช้ Platform เดิม ๆ ในการลงขาย หรือโปรโมทสินค้าออนไลน์ ตามที่เราได้เคยแนะนำไปแล้วใน Blog ทำความเข้าใจทุก Platform การขาย ช่องทางไหนเวิร์คสุด? ก็เริ่มมีการใช้ Platform นี้ในการโฆษณาสินค้า หรือทดลองขายสินค้ามากขึ้น เมื่อ Tiktok สามารถเพิ่มโฆษณาลงในคลิปวีดีโอได้ และสามารถใช้งานได้ง่ายด้วย สิ่งนี้จึงดึงดูดหลากหลายแบรนด์เข้ามาค่ะ
ทำความรู้จัก “Hashtag Challenge Plus” และ “Small Gestures”
Hashtag Challenge Plus คือ ฟีเจอร์น้องใหม่จาก Tiktok ที่ผู้ใช้สามารถกดซื้อของจากแบรนด์ต่าง ๆ ในแอพได้เลย โดยวีดีโอของแบรนด์ต่าง ๆ นั้นจะถูกแยกไปอยู่ในอีกแท็บหนึ่งเมื่อกดซื้อ และมีชื่อแบรนด์หรือโฆษณาอยู่ในหน้า Discover ทำให้สามารถถูกเห็นได้จากผู้ใช้มากมาย โดยแบรนด์ต่าง ๆ นิยมใช้ Influencer เข้ามาช่วยโปรโมทสินค้าในรูปแบบของวีดีโอสั้น สนุกสนาน ซึ่งจุกนี้แหล่ะค่ะที่เป็นจุดที่น่าสนใจที่สุด เพราะถ้าหากแบรนด์ส่วนใหญ่เริ่มหันมาลงทุนกับ Platform นี้แล้วล่ะก็ อาจเกิดผลกระทบกับช่องทางอื่น ๆ ได้มากทีเดียวเพราะปัจจุบันมียอดผู้ใช้งาน Tiktok มากถึง 500 ล้านรายทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีอีกฟีเจอร์หนึ่งที่เป็นสัญญาณการก้าวเข้ามาสู่วงการ E-Commerce อย่าง Small Gestures ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดคัวใหม่ที่ Tiktok เต็มใจนำเสนอให้ผู้ใช้สามารถมอบของขวัญเสมือนจริง จากแบรนด์พารท์เนอร์ให้กับเพื่อนในแอพโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ เเต่มีเงื่อนไขว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิบางอย่าง เช่น ต้องเป็นสมาชิกของ Adobe Premiere Rush เป็นต้น
สงสัยกันใช่ไหมล่ะคะว่า tiktok ทำไปเพื่ออะไร แน่นอนค่ะว่าเขาไม่ได้ใจดีให้เราใช้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ฟรี ๆ แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขาย และเป็นการทดลอง เครื่องมือ หรือฟังก์ชั่น E-Commerce ภายในแอพค่ะ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการโฆษณาภายในแอพ ด้วยการรวมเอา UGC (User Generated Content) หรือการที่ผู้ใช้แอพที่อาจเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ต่าง ๆ ทำสื่อโฆษณา โปรโมทสินค้าด้วยตัวเองลองบน แพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องจ้างเข้าด้วยกับการซื้อขายออนไลน์แบบ E-Commerce อีกด้วยค่ะ
ผู้ใช้ส่วนใหญ่โปรโมทสินค้าผ่าน tiktok อย่างไร?
เนื่องจากยอดผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แบรนด์ ร้านค้าต่าง ๆ เริ่มใช้ Tiktok ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในเรื่องของการโฆษณา ในรูปแบบของวีดีโอสั้น และการสร้าง Challange ต่าง ๆ ให้คนร่วมสนุก ซึ่งรูปแบบการตลาดจะมีความคล้ายกับ instagram ที่ Influencer จะมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายมาก ดังนั้นวิธียอดฮิตที่แบรนด์ใช้ก็คือ
1. ใช้ Influencers ช่วยในการโปรโมท หรือสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์
วิธีนี้ช่วยให้สินค้าหรือแบรนด์เป็นที่รู้จัก และเข้าถึงกลุ่มลุกค้าได้มากขึ้น และรวดเร็วกว่าการโปรดมทอื่น ๆ ยิ่งถ้าหากมีผู้ติดตามมากแล้ว ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการโปรโมทมากขึ้น ทั้งนี้แบรนดืต่าง ๆ สามารถเลือกผู้โปรโมทที่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ หรือสินค้าได้ เพราะมีผู้ใช้ตั้งแต่ เด็ก วัยรุ่น หรือเน็ตไอดอล ไปจนถึงนักแสดง นักร้องระดับประเทศก็มีค่ะ นอกจากนี้บางแบรนด์ยังใช้การติดแฮชแท็ก( #) ในการกระตุ้นให้ผู้ใช้รายอื่น ๆ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์คลิปสนุก ๆ เพื่อลุ้นของรางวัลอีกด้วยค่ะ
2. เน้นความบันเทิงเป็นหลัก
แน่นอนค่ะว่าการขายแบบตรง ๆ อาจไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คนเพราะเมื่อกดเข้าแอพผู้ใช้ต้องการเสพสื่อที่มีความสนุกสนาน ผ่อนคลายมากกว่าชมโฆษณา ดังนั้นบางครั้งการโปรโมทสินค้าต่าง ๆ ก็จะมาในรูปแบบของการสร้างเสียงหัวเราะ ทำท่าทางตลก ๆ หรือ การ Cover ต่าง ๆ แต่มีการถือ หรือ แทรกสินค้าเข้าไปในวีดีโอด้วยนั่นเองค่ะ
สัญญาณสู่วงการ E-Commerce อย่างเป็นทางการของ Tiktok
นอกจาก Tiktok จะเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว ยังเข้ามามีบทบาทในวงการตลาดออนไลน์ และธุรกิจ e-commerceอย่างมากอีกด้วยในปี 2020 นี้ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน “Hashtag Challenge Plus” หรือ “Small Gestures” ที่เป็นสัญญาณการก้าวเข้าสู่วงการ E-Commerce อย่างเต็มตัวของ Tiktok อีกทั้งการใช้งานก็ง่ายดาย ไม่ยุ่งยาดซับซ้อน และมีโอกาสเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าแพลต์ฟอรืมอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องมีผู้ติดตามก็ได้นั่นเองค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับแอพลิเคชั่น Tiktok ที่เราได้พาไปรู้จักในวันนี้ ผู้ขายออนไลน์ แบรนด์ต่าง ๆ เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมคว้าโอกาสตรงนี้ไว้นะคะ เพราะว่าไม่แน่ เจ้าแพลตฟอร์มน้องใหม่นี้ที่จะเข้าสู่วงการ E-Commece มากขึ้น และเป็นอีกช่องทางการเติบดตของธุรกิจอีกด้วย เพราะฉะนั้นเรียนรู้ไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลยค่ะ