มองอนาคตการขายออนไลน์กับ Data Commerce
อนาคตของการขายของออนไลน์จะเป็นอย่างไร มองอนาคต E-Commerce กับ Data Commerce
วันนี้ MyCloud จะพาผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจทุกท่านไปทำความรู้จักกับการขายทั้งในอดีต ปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงกับวงการ E-Commerce ในอนาคต ด้วย “ Data Commerce” จาก คุณ เมฆ นิธิ สัจจทิพวรรณ กันค่ะ
สินค้าและบริการที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการผลิตสินค้าที่มากจากการทำ Research ค้นคว้าในห้องแลป ให้ได้มาซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกในปัจจุบัน ดังนั้นในอดีตการทำการตลาด (Marketing) จะอยู่ในรูปแบบของ การบอกประโยชน์ สรรพคุณ ว่าสินค้านั้น ๆ ดีอย่างไร (Propaganda) แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้บริโภคในปัจจุบัน เริ่มศึกษา และมีความคิดเห็นมากขึ้น ผนวกกับมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ทำให้มีตัวเลือกมาก จาก Consumer ก็เปลี่ยนเป็น Prosumer ที่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี และใช้ Emotion ในการตัดสินใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นหากสินค้าหรือบริการไม่ดีจริง บอกเลยค่ะว่า “อยู่ยาก” ในปัจจุบัน
รูปแบบการขายที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการเริ่มทำการตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสื่อแบบ Owned, Paid,หรือ Earned Media เพื่อดึงดูดและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นนั่นเองค่ะ นี่เป็นตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของธุรกิจในอดีต และปัจจุบันค่ะ ต่อไปเรามาเริ่มคาดคะเนอนาคตไปพร้อม ๆ กันด้วย “Demand Forecast”
ในอนาคตข้างหน้าสินค้าอาจจะไม่ใช่แค่ ถูกซื้อด้วย Emotion ของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว เพราะสินค้าต่าง ๆ จะถูกซื้อด้วย AI แทนโดยที่ผู้บริโภคไม่ต้องตัดสินใจเองเลยค่ะ เพราะสินค้าและบริการจะถูกผลิตออกมาตามข้อมูลความต้องการที่มีในอดีต ที่ถูกเก็บสะสมไว้เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ และเพียงพอต่อการตัดสินใจในการจะผลิต สต็อกสินค้า โดยไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออกอีกต่อไป
ข้อมูลที่พูดไปข้างต้นแน่นอนว่าไม่เลื่อนลอยนะคะ เรามีที่มาที่ไปมาจากเจ้าพ่อธุรกิจ E-Commerce รายใหญ่ในอเมริกาอย่าง Jaff Basoz เจ้าของ Amazon ซึ่งกำลังทำเรื่อง “Demand Forecast” ที่ว่ากันว่าแม่นยิ่งกว่าหมอดูอีกค่ะ ที่ว่าแม่นเนี่ยก็คือแม่นในเรื่องของ จำนวนสินค้าที่ผู้ผลิตต้องผลิต สถานที่ขายที่ไหน ขายยังไง ต้องใช้วิธีใดในการดึงดูดลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจฟันธงได้เลยก็ว่าได้ค่ะ
Demand Forecast เป็นอย่างไร?
การทำ Data Commerce ในปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจใช้ข้อมูลที่เรียกว่า “Historical Data” หรือข้อมูล สถิติในอดีตว่าสินค้าอะไรที่ขายดี ซึ่งข้อมูลในอดีตเหล่านี้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากนัก แต่ในความเป็นจริง มีตัวแปรต่าง ๆ เข้ามาทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น ปี 2020 แพลนต่าง ๆ ของหลาย ๆ กิจการกลับต้องเป็นอันยกเลิกไปเนื่องจากพิษโควิด (COVID-19) ดังนั้นการใช้แค่ข้อมูลในอดีตอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะข้อมูล Demand Forecast ที่ดีต้องมองเห็น และสามารถทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถวางแผนการขาย สต็อกสินค้าได้แบบเป๊ะ ๆ
AMAZON กับตัวอย่าง Demand Forecast
Amazon ใช้ Histirical Data ในอดีตมาบวกกับ Global Trend ในปัจจุบัน ว่าคนสนใจเข้าชมเว็บไซต์ไหน ชมโฆษณาอะไร หรือมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าอะไรบ้าง โดยรวบรวมข้อมูลเหล่านี้จากหลายๆ แหล่งที่มา (Source) และใช้ Machine Learning เพื่อศึกษาว่า การซื้อในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะได้มีการเก็บข้อมูลของเราไว้ตลอดเวลา สัญญาณของสิ่งเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นแล้วค่ะ ท่านผู้อ่านเคยคิดถึงสินค้าชนิดใด แล้วเลื่อนฟีด Facebook ไปเจอหรือเปล่าคะ? ใช่แล้วค่ะเพราะในอนาคตไม่ว่าเราจะมองหาสินค้าใดมาเติมเต็มความต้องการ บางครั้งเราจะได้มากกว่าที่คาดหวังเสียด้วยซ้ำเพราะ “เขาคิดมาให้แล้ว” นั่นเองค่ะ
อนาคตของการขายของออนไลน์
เมื่อมี Forecast ก็ไม่จำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องสต็อกหรือเก็บสินค้ารอขายออก ในปริมาณเยอะ ๆ อีกแล้วค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่การผลิต จนสินค้าถึงมือผู้บริโภค การขายของในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญ ผู้ซื้อจะไม่ใช่ผู้ตัดสินใจเลือกซื้อเหมือนในปัจจุบัน เพราะมี AI คิดและนำเสนอให้ถึงมืออยู่เสมอค่ะ
ข้อดีของ Data Commerce
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้บริโภค ข้อมูลเหล่านั้นสามารถช่วยธุรกิจได้จริง ๆ ใช่ไหมล่ะคะ กล่าวโดยสรุปก็คือ ประโยชน์ 2 ข้อหลัก ๆ ของเจ้า Data Commerce นี้ก็คือ 1. ทุกอย่างจะรวดเร็วมาก โดยไม่ต้องรออีกต่อไป ดังนั้นใครช้า ก็รับรองได้เลยว่าไม่มีทางตามทันค่ะ ประโยชน์ก็จะตกไปอยู่กับผู้บริโภคที่จะได้ในสิ่งที่รวดเร็ว และสะดวกสบายที่สุด 2. Accessible จะถูกลงมาก เพราะในปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตสินค้าจริง ๆ แล้วไม่กี่บาท แต่บวกเพิ่มต้นทุนในการ โปรโมท ต้นทุนแฝงด้าน Fulfillment ต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตขั้นตอนต่างๆ จะถูกลดขั้นตอนลง ทำให้ราคาสินค้าก็จะถูกตามลงไปด้วยนั่นเองค่ะ ผู้บริโภคก็จะสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามโลกมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการปรับตัวของธุรกิจให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และในอนาคตของการขายสินค้าออนไลน์ ธุรกิจที่ ผลิตสินค้าได้เร็วและมีความยืดหยุ่นสูงจะสามารถเติบโตได้ต่อไปค่ะ